สำหรับออฟฟิศแห่งนี้น่าจะมีผู้ที่หลงเข้ามาอ่านบางท่านเคยแวะไปเยี่ยมเยียนที่นี่กันบ้างและ แต่สำหรับเจ้าของบล็อกแล้ว ขอบอกเลยว่าพึ่งจะได้มาเมื่อวันก่อนเองนะ ฮาๆ และสำหรับที่นี่เจ้าของบล็อกบอกเลยว่าไม่ใช่ออฟฟิศธรรมดาๆแน่นอน
Kaidee.com น่าจะเคยได้ยินกันอยู่แล้วเนอะ กับเว็ปใหญ่สำหรับใครๆก็ได้ที่อยากจะขายของมือสอง ก็สามารถลงประกาศขายกันในเว็ปนี้ได้เลย ไม่ว่าจะของเล็กๆอย่างจักรยาน กีต้าร์ ไปจนถึงของใหญ่ๆอย่าง บ้านและคอนโด ซึ่งตอนนี้ OLX (ที่เคยเปลี่ยนชื่อจาก Dealfish มาเป็น OLX) และ Kaidee ก็ได้รวมเข้าด้วยกัน โดยใช้ชื่อว่า Kaidee เนื่องจากเป็นชื่อที่คนไทยจำได้ง่าย
สำหรับออฟฟิศของ Kaidee ตั้งอยู่ที่ชั้น 14 ของตึก AIA Capital Center ที่อยู่ใกล้ๆกับ Esplanade รัชดานั่นเอง ซึ่งที่นี่สามารถให้คนนอกเข้าเยี่ยมชมภายในออฟฟิศได้ แต่ต้องมีคนข้างในพาเข้าไปนะ (สไตล์ Host ที่พา Guest ไปเยี่ยมชมนั่นเอง)
แต่ที่นี่ก็มีโซนบริเวณข้างหน้าที่สามารถจัดอีเว้นท์สำหรับนักพัฒนาได้อยู่นะ ผู้ที่หลงเข้ามาอ่านหลายๆคนก็คงเคยแวะมางาน Meetup ที่นี่กันเนอะ
ซึ่งบริเวณข้างนอกนั้นเป็นพื้นที่ว่างและโรงอาหารที่พนักงานสามารถกินข้าวกลางวันกันที่นี่ได้เลย มีน้ำ กาแฟ นม และเบียร์ ให้ด้วยล่ะ แต่นอกจากเป็นพื้นที่กินข้าวแล้วก็ยังเป็นพื้นที่ทำงานได้ด้วยนะ เพราะมีพนักงานบางคนก็ออกมานั่งทำงานแถวนี้ หรือออกมาประชุมงานกันก็มี
ส่วนการเยี่ยมชมข้างในก็จะให้ความรู้สึกคล้ายๆตอนไป Facebook กับ Twitter เลย มี iPad วางไว้ให้ลงชื่อตัวเราและคนที่เราจะมาหา จากนั้นนั่งรอ (มี WiFi ให้เล่นนะ)
ที่นี่ Friendly กันมากคุณทิวาก็แวะมาต้อนรับและยินดีที่มาเยี่ยมชมที่นี่ และสำหรับ Host ที่พาผมเที่ยวก็คือพี่ปอนด์และพี่กอล์ฟ ซึ่งทั้งคู่ทำงานที่นี่มาพักใหญ่ (มากๆ) แล้ว
ที่ข้างหน้าจะมีห้องประชุมขนาดใหญ่ที่มีจอทีวี 4K (อยู่อีกฝั่งของภาพ) เอาไว้ประชุมงานกัน แต่ก็ต้องเอาตัวแปลงเป็น Full HD มาใช้แทนเพราะเครื่องรองรับ 4K ไม่ไหว รองรับ Miracast และต่อกับ Apple TV ไว้ทุกตัวเลย
พอเดินเข้ามาข้างในออฟฟิศต่อก็จะเจอห้องประชุมอยู่ทางขวามือซึ่งถูกจัดอยู่ในธีมที่แตกต่างกันออกไป
ส่วนฝั่งขวามือจะมีห้องนอนด้วยล่ะ พี่ปอนด์บอกว่าพี่กอล์ฟชอบมาใช้ห้องนี้ประจำ
ข้างๆห้องนอนก็จะมีโต๊ะนั่งทำงานรูปทรงหกเหลี่ยมดูแปลกตา มีไว้สำหรับคนที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศจากโต๊ะทำงาน
ถัดมาก็จะเป็นตู้เซิฟเวอร์ที่ถูกแต่งด้วยแสงไฟจนทำให้รู้สึกเด่น ไม่เหมือนกับเซิฟเวอร์หลายๆที่ (เค้าบอกว่ายังอยากจะแต่งเพิ่มมากกว่านี้อีกนะ) ซึ่งที่เห็นนี้ไม่ใช่เซิฟเวอร์ที่ใช้รัน Production หรอกนะครับ เป็นตัวที่เอาไว้ทดสอบภายในกันเองมากกว่า
และที่สำคัญคือที่นี่มี IT Support ที่คอยบริการอุปกรณ์ไอทีต่างๆให้หยิบยืมไปใช้งานได้เลย รวมไปถึงเวลาเครื่องของเรามีปัญหาด้วย เหมือนที่ Facebook นั่นแหละครับ
ข้างในมีโต๊ะสำหรับนั่งเล่น และมีบอร์ดเกมเยอะแยะให้เล่นด้วยล่ะ
สำหรับโต๊ะทำงานข้างในเจ้าของบล็อกไม่ได้ถ่ายนะครับ เพราะถือว่าเป็นพื้นที่ส่วนตัวคงไม่เหมาะซักเท่าไรถ่ายเผลอถ่ายติดหน้าจอเห็นงานที่ทำอยู่เนอะ ฮาๆ และข้างในก็มีพื้นที่ประชุมแบบเปิดให้เหมือนกัน แต่ก็ไม่เหมาะที่จะถ่ายมาเช่นกัน เพราะพึ่งประชุมเสร็จ มีมาร์เกอร์เขียนอยู่บนกระดานและมีกระดาษแปะอยู่เลย
แต่สิ่งที่ทำให้ที่นี่น่าสนใจไม่ได้มีแค่ตัวออฟฟิศเท่านั้นนะ แต่ยังมี Company Culture ที่คล้ายกับ Facebook ด้วย เพราะที่นี่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้รู้เหมือนๆกัน และการเป็นนักพัฒนาที่นี่ก็มีโอกาสได้ลองทำอย่างอื่นด้วย ไม่ใช่แค่ว่าเป็นตำแหน่ง Mobile Developer ก็ได้นั่งเขียนแอพอยู่อย่างเดียว แต่สามารถสลับไปทำงานส่วนอื่นๆอย่าง Back-end ได้ เพราะที่นี่เชื่อว่าการที่ได้ไปลองทำในส่วนต่างๆก็จะทำให้เข้าในระบบของ Kaidee มากขึ้น และในทีมก็สามารถคุยกันได้ง่ายขึ้นด้วย (เดิมทีพี่กอล์ฟนั้นทำแอนดรอยด์ แต่ว่าตอนนี้ได้ไปทำอยู่ Back-end อยู่พักใหญ่ๆละ)
ส่วนการทำงานก็ค่อนข้าง Flexible เป้าหมายคืองาน ไม่ใช่เวลาทำงาน พนักงานที่นี่สามารถเดินออกมากางโต๊ะตีปิงปองเพื่อพักผ่อนได้ เพราะที่นี่ไม่ได้โฟกัสที่ระยะเวลาในการทำงานเป็นหลัก แต่โฟกัสที่เนื้องาน งานต้องออกมาตรงตามเป้าหมายและต้องมีประสิทธิภาพด้วย (ไม่ได้เน้นแค่ว่างานเสร็จนะเออ) อะไรที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ๆน่าสนใจและศึกษา ก็มีงบในส่วนนี้ให้ใช้ด้วย ดังนั้นพนักงานที่นี่จึงมีโอกาสได้เดินทางไปต่างประเทศเพื่อศึกษาเทคโนโลยีใหม่ๆที่น่าสนใจอยู่เสมอ รวมไปถึงการทำงานที่สาขาต่างประเทศ ซึ่งตอนงาน Google I/O 2015 ทาง Kaidee ก็ส่งนักพัฒนาไป 2 คนล่ะ (พี่กอล์ฟก็คือหนึ่งในนั้น)
แหม่ นี่มันสวรรค์ของ Programmer เลยนะเนี่ย สุขภาพจิตดี โอกาสในการเรียนรู้ก็ดี แต่ก็มีอีกหลายๆอย่างที่ไม่ได้เล่านี้นะครับ อยากให้ทีม Kaidee เขียนเป็นบทความมาแชร์เป็นความรู้มากกว่า (ถ้ามาเห็นข้อความนี้ ก็กลับไปเขียนซะนะ)
ซึ่งที่นี่เค้าก็ตั้งใจไว้ว่าในปีหน้า Kaidee จะเป็นออฟฟิศที่น่าทำงานที่สุดในประเทศไทยให้ได้ แต่เจ้าของบล็อกว่าไม่ต้องรอปีหน้าแล้วมั้ง น่าจะเป็นปีนี้แล้วด้วยซ้ำ
ก็ต้องขอบคุณพี่กอล์ฟผู้ที่ทำงานมานมนานตั้งแต่สมัย Dealfish จนเปลี่ยนชื่อเป็น OLX และมารวมตัวเข้ากับ Kaidee จนถึงทุกวันนี้ ที่พามาเยี่ยมชมออฟฟิศที่ไม่เหมือนใครในประเทศไทย
และที่นี่ก็ยังต้องการคนเพิ่มอยู่นะเออ รวมไปถึงนักศึกษาฝึกงานด้วยเช่นกัน (เค้าฝากบอกมา)