เมื่อวันที่ 28 - 29 มีนาคมที่ผ่านมานี้ ทาง Chiang Mai Maker Club ก็ได้จัดงานที่ชื่อว่า Chiang Mai Maker Party ขึ้นมา เพื่อเป็นให้เหล่า Maker ในบ้านเราได้มา Meetup กัน ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกที่มีงานแบบนี้ก็ว่าได้ เนื่องจาก Maker ในบ้านเรานั้นไม่ค่อยได้มาพบปะเจอกันเยอะขนาดนี้ซักเท่าไร
งานนี้ได้จัดขึ้นที่เชียงใหม่ ณ ชมรม Chiang Mai Maker Club เป็นเวลาสองวันเต็มๆ ซึ่งตัวชมรมนั้นจะอยู่บริเวณตะวันตกเฉียงใต้ของกำแพงเมืองเชียงใหม่
คนร่วมงานเกินครึ่งของทั้งหมดนั้นมาจากกรุงเทพฯกันทั้งนั้น เรียกได้ว่าถ่อขึ้นมากันโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะขับรถมาเอง นั่งรถทัวร์มา หรือนั่งเครื่องบินมาก็ตาม และสำหรับเจ้าของบล็อกที่อยู่ในแวดวง Maker (เสี้ยวนึง) ก็ไม่พลาดที่จะไปแรดในงานนี้ โดยไปพร้อมๆกับพี่ Gimme@Droidsans เพราะพี่แกอยากจะรู้จักกับเหล่า Maker ซึ่งเหมาะเจาะกับงานนี้พอดิบพอดี
สำหรับภาพถ่ายในงานนี้จะมีบางภาพที่อมเขียว ไม่ต้องแปลกใจไป กล้องมือถือเจ้าของบล็อกไม่ได้ถ่ายออกมาเพี้ยนแต่อย่างใด แต่จะมีบางพื้นที่ที่มีแสลนกันแดดสีเขียวๆอยู่ จึงทำให้แสดงบริเวณนั้นเป็นสีเขียว เดินอยู่ในบริเวณนั้นตาล้าสีเขียวจนมองสีขาวกลายเป็นสีขาวอมชมพูเลยล่ะ
วันแรก
งานเริ่มตอน 10 โมงเช้า ด้วย Keynote ของคุณหมอจิมมี่ผู้ก่อตั้งชมรม Chiang Mai Maker Club จากนั้นก็จะเป็นช่วงฟรีสไตล์ที่มีทั้งบรรยายและจัดบูธโชว์ของจากเหล่า Maker ซึ่งบูธที่มานั้นก็มีทั้งโชว์และเข้าประกวดสิ่งประดิษฐ์ โดยบูธโชว์ก็เรียกได้ว่ารวมบูธร้านชื่อดังสำหรับ Maker ในประเทศไทยก็ได้ ทั้ง INEX, Deaware, ThaiEasyElec, Ayarafun, Gravitech และอื่นๆอีกมากมายNE8T ก็มาด้วยล่ะ!
สำหรับบูธประกวดสิ่งประดิษฐ์ก็จะอยู่ใกล้ๆกัน โดยผู้เข้าร่วมงานจะมีสติ๊กเกอร์คนละ 4 ดวง เพื่อให้คะแนนกับโครงงานที่ชอบ
บูธของ Gravitech มีวงจรง่ายๆให้ลองฝึกบัดกรีกันด้วย ลองฟรีได้ของกลับบ้านด้วย
มีบูธขาย Drone กับเสื้องานนี้ด้วย
และภายในอาคารของชมรม เอ...ไม่สิชมรมมันอยู่ในอาคารนี้ซะมากกว่า (เพราะชั้นบนของอาคารเป็นบริษัทของคุณหมอจิมมี่)
ซึ่ง Session ต่างๆก็จะถูกจัดขึ้นที่ชั้นล่างของอาคารนี้
ส่วนข้างหน้าอาคารจะเป็นพื้นที่ขายของกินนิดหน่อย และที่เหลือเป็นพื้นที่จัดโชว์โครงงานต่างๆที่ชมรม Chiang Mai Maker Club ได้ทำกันเล่นๆ (แต่ก็เป็นเรื่องเป็นราว)
ช่วงบ่ายสามก็จะเป็นกิจกรรมแข่งหุ่นยนต์ Sumo-Bots Battle ที่ให้ผู้ร่วมกิจกรรมนำหุ่นยนต์ของตนเองมาแข่งกับอีกฝ่ายบนสนามวงกลมสีดำที่มีเส้นขอบสีขาว หุ่นยนต์ใครตกออกนอกสนามก่อนก็เป็นอันแพ้
และช่วงเย็นจะมีการ Pitching โครงงานเพื่อขอทุนจากเหล่ากรรมการทั้งห้า ให้เหล่า Maker มานำเสนอไอเดียและโปรเจคเพื่อชิงเงินทุนไปพัฒนาโปรเจคต่อ
ซึ่งจะมีอยู่ทั้งหมด 9 ทีมด้วยกัน (มั้ง) หลังจากนำเสนอเสร็จก็จะมีการถามตอบจากกรรมการ ซึ่งเจ้าของบล็อกก็ได้ออกมาก่อนเพราะว่าช่วงเย็นไปนั่งกินข้าวเย็นกับมาสเตอร์อึ่งและคนอื่นๆ (มาสเตอร์อึ่งชวนไปตะวันแดงต่อ แต่ไม่ได้ไป) แล้วก็กลับมานั่งกินเบียร์ยามเย็นที่งานต่อราวๆสามทุ่ม
หลังจากกลับมาจากกินข้าวเย็นก็พบว่า Pitching พึ่งจบไปไม่นาน!!! เนื่องจากแต่ละทีมใช้เวลานานมากกกกกกก จากนั้นก็กินเบียร์ซักพักแล้วกลับที่พักแบบกริ่มๆ
วันที่สอง
ปรากฏว่าตื่นสายครับ เลยอดอาหารเช้าของที่พัก แต่ก็พอดีเป๊ะสำหรับเวลาเริ่มงานวันที่สอง วันนี้บูธข้างนอกก็จะดูเริ่มเงียบๆบ้างแล้ว เพราะว่าไม่ได้มีอะไรใหม่ๆเพิ่มเข้ามา ก็จะเป็นการพูดคุยกันมากกว่าและในวันที่สองนี้จะมีกิจกรรมแข่งขันหุ่นยนต์ Robot SURVIVAL RACE หรือก็คือตะลุยทางวิบากนั่นเอง ซึ่งจะมีพื้นที่เป็นสนามแข่งที่มีเส้นทางขรุขระมีอุปสรรคต่างๆนานา ก้อนหินดินทราย โดยให้นำหุ่นยนต์ของแต่ละคนมาแข่งกันว่าใครจะเข้าเส้นชัยได้ก่อน
ระหว่างการแข่งขันมี Drone โผล่เข้ามาด้วยล่ะ
แล้วก็จะมี Session ในวันที่สองต่อ
มีการให้คะแนนโครงงานของทางชมรมว่าชอบอันไหน แต่มีหลายๆชิ้นที่สิ้นชีพไปในวันแรก จนต้องเขียนกระดาษไว้แบบนี้
และมีเปิดให้เยี่ยมเยียนในชมรม Chiang Mai Maker Club ด้วย เจ้าของบล็อกก็แวะเข้าไปนั่งคุยพักนึง แล้วก็ส่งมอบ MYO ให้คนในชมรมไปเล่นแทน (ไม่ค่อยมีเวลาเล่น)
จากนั้นตามด้วยการประกาศผลและแจกรางวัลให้กับกิจกรรมต่างๆ และถ่ายรูปหมู่ และกล่าวปิดงาน
ถึงงานนี้จะจบแล้ว แต่ก็ยังมีงาน Open House ที่ Maker Space อยู่ ซึ่งอยู่ติดกับ Pun Space 2 ที่อยู่ใกล้ๆประตูกำแพงเมืองฝั่งตะวันออก โดยก๊วนเจ้าของบล็อกก็อารมณ์ดีจัด เลือกที่จะเดินไปที่นั่นกันแทนที่จะนั่งรถ
ระหว่างเดินก็เกิดฝนตกเล็กน้อย (เดินกันประมาณ 10 คน) จนถึงที่หมายฝนก็ดันหยุดตก (กวนตีนชะมัด) ซึ่งที่นี่ก็มีอาหารรอคอยไว้ให้แล้ว (เย้)
และที่สำคัญมีเบียร์ด้วยล่ะ และมีคนที่มาร่วมงานเค้ามาจากประเทศลาวก็เลยหิ้วเบียร์ลาวมาแจมด้วย (เย้ เย้ เย้)
หลังจากซัดเบียร์ เอ้ย! อาหารเต็มท้องแล้วก็เยียมเยียนที่ Maker Space ดู สำหรับผู้ที่หลงเข้ามาอ่านคนใดไม่รู้จักนะ Maker Space จะเป็น Coworking Space สำหรับเหล่า Maker ครับ หรือก็คือเน้นไปในเรื่อง Maker นั่นเอง ซึ่งจะต่างจาก Hubba, NE8T หรือ Ma:D ก็ตรงที่กลุ่มลูกค้าเฉยๆ แต่จุดประสงค์เหมือนกันคือเป็นพื้นที่ทำงานที่สามารถพบปะพูดคุยกับคนในแวดวงด้วยกันได้
ถึงห้องข้างหน้าจะดูเหมือน Coworking Space ทั่วๆไป แต่ก็จะมีเครื่องตัดเลเซอร์และ 3D Printer ให้บริการในห้องข้างหน้าด้วย (ลืมถ่ายภาพชัดๆ) ซึ่งคิดค่าบริการในการใช้งาน
และมีห้องข้างในที่จะเน้นไปที่งานไม้เป็นหลัก เหล่า Maker ที่มาใช้บริการจะสามารถขอใช้เครื่องมือเหล่านี้ในการทำงานได้ (นำวัสดุมาเอง)
มีให้ยันเครื่อง CNC ขนาดย่อมๆ
ต่อจาก Maker Space แล้วก็แวะไปที่ Pun Space ต่อ เพราะอยู่ข้างๆกัน โดยที่ Pun Space ที่นี่จะเป้นสาขาที่ 2 ใช้พื้นที่โกดังร้างในการทำเป็น Coworking Space ซึ่งที่ Pun Space ก็จะเป็น Coworking Space แบบทั่วๆไปเลย
โดยชั้นล่างก็จะมีร้านกาแฟชื่อ Burkta (เบิกตา)
แล้วก็เป็นตู้ล็อคเกอร์ ห้องประชุม ห้อง Skype และห้องน้ำ (รวม)
พื้นที่จริงๆอยู่ชั้น 2 มีพื้นที่กว้างมากกกก รู้สึกโปร่งสบาย
พี่เปี๊ยก Co-founder ที่ Pun Space
พอใกล้ค่ำหน่อยเจ้าของบล็อกก็กลับกรุงเทพฯ เพราะจองตั๋วไว้ตอนสองทุ่ม ระหว่างขากลับก็ผ่านถนนคนเดิน (เพราะ Pun Space กับ Maker Space อยู่ใกล้ๆถนนคนเดิน) แต่ก็ไม่ได้เดินเที่ยวดูของอะไร เพราะต้องไปสนามบิน
มาเชียงใหม่สองวันกับกระเป๋าใบนี้ (และกระเป๋าใส่ Notebook อีกใบ)
ภาพเชียงใหม่ยามค่ำคืนตอนเครื่องขาขึ้น (ปิดสัญญาณโทรศัพท์แล้วน้าาาาา)
สำหรับงานนี้เรียกได้ว่าสนุกมาก ได้รู้จักกับหลายๆคนที่เชียงใหม่ โดยเฉพาะเหล่า Maker ด้วยกัน เพราะปกติไม่ได้มีโอกาสมาเจอกันเป็นกลุ่มใหญ่ๆแบบนี้ จึงบอกได้เลยว่า Maker คนใดพลาดงานนี้ไปจะเสียดายมากกกกกกกกกกกกกกกกก