04 November 2012

[Review] Adonit Jot Pro - Capacitive Touch Stylus

Updated on
วันก่อนเข้าของบล็อกไปเจอปากกาสไตลัสแบบแปลกๆมา จริงๆก็ไม่ได้แปลกหรอก แต่เดิมเราชินกับปากกาสไตลัส ที่หัวปากกาทำจากวัสดุนำไฟฟ้าที่ใช้แทนนิ้วได้ แต่ตัวที่เจ้าของบล็อกเจอเป็นการดัดแปลงจากสไตลัส D.I.Y ถ้าใครเคยทำเองก็คงจะรู้จักกันอยู่แล้วกับตัวที่ว่านี้


ทีนี้เจ้าของบล็อกก็ไปเจอภาพปากกาสไตลัสแบบดังกล่าววางขาย โดยมีการออกแบบหัวปากกาใหม่ เพราะ D.I.Y ไม่ค่อยทนนัก


อันนี้เป็นตัวที่เจ้าของบล็อกเจออยู่ใน Cool Hunting  ซึ่งเจ้าของบล็อกอ่านเจอจากแอพ Current ที่เอาไว้อ่าน Feed ข่าว โดยมีชื่อว่า Jot Touch เป็นของ Adonit อันนี้ราคาตั้ง $100 แน่ะ สามารถลงน้ำหนักของเส้นได้ด้วย โดยต้องเชื่อมต่อผ่านบลูทูธ และแอพนั้นๆ ต้องรองรับกับปากกาตัวนี้ด้วย และมีปุ่มคีย์ลัดด้วย


เจ้าของบล็อกก็สนใจอยู่นะ ถึงจะไม่ค่อยได้วาดรูปก็เหอะ บางทีก็อยากจะวาดภาพเมโมไว้บนเครื่องบ้างน่ะนะ จะให้ไปซื้อ Galaxy Note มาใช้ก็ออกจะเกินไปหน่อย

ทีนี้มีวันนึงที่เจ้าของบล็อกไปเดินเที่ยว Gateway เอกมัยเล่นๆ ก็ไปเจอเจ้าปากกายี่ห้อนี้วางขายอยู่ แต่ว่าเป็นรุ่น Jot Pro แทน ไม่มี Jot Touch มาขาย โดยที่ Jot Pro ต่างจาก Jot Touch  ก็ตรงที่ไม่สามารถกดน้ำหนักเส้นได้ ไม่มีปุ่มคีย์ลัด เป็นแค่ปากกาสไตลัสธรรมดาๆที่มีหัวปากกาแบบ Jot Touch ซึ่ง Jot Pro ก็มีราคาแค่ พันกว่าๆเท่่านั้น ก็เลยสอยมา



เจ้า Jot Touch ขอเก็บเข้ากรุไปก่อนละกัน เพราะไม่มีปัญญาไปหามา ก็มาพูดถึงเจ้า Jot Pro แทน สำหรับตัวนี้ก็อย่างที่บอก มีแค่หัวปากกาเท่านั้นที่เหมือน Jot Touch ที่เหลือก็ไม่มีอะไรเลย พูดได้ง่ายๆว่าเป็นแค่ปากกาสไตลัสธรรมดาๆ นั่นแหละ แต่เจ้าของบล็อกสนใจที่หัวปากกาของมันนี่แหละ  ถ้าใครที่เคยทำปากกาไตลัสใช้เองแบบวิธีในวีดีโอตัวแรกสุด ก็จะเข้าใจได้ว่าทำไมเจ้าของบล็อกถึงชอบแบบนี้ มันใช้ได้แม่นยำกว่าแบบหัวยางสีดำๆที่ขายกันทั่วไปมาก เพราะอะไรเดี๋ยวค้อยว่ากัน มาดูลักษณะคร่าวๆของมันก่อน



ตัวปากกาก็จะมีสีให้เลือก 4 สี คือ ดำ เทา ฟ้า และแดง อันนี้เจ้าของบล็อกเลือกสีแดงมาเพราะที่ร้านมีแค่แดง


ตัวกล่องที่ใส่มาก็หรูตามราคาเลย จนเจ้าของบล็อกไม่กล้าโยนกล่องทิ้ง

แต่ละรุ่นก็จะมีเขียนบอกไว้ว่าเป็นรุ่นไหน สำหรับ Jot Pro จะเห็นว่าปลายท้ายปากกาจะเป็นแค่เกลียวสำหรับเก็บฝาเฉยๆ ถ้าเป็นของ Jot Touch จะมีช่องเอาไว้เสียบชาร์จไฟด้วย

สำหรับหัวปากกาจะเห็นว่าจะเป็นลูกเหล็กกลมๆ อยู่ตรงกลางแผ่นพลาสติกใส ซึ่งเอาไว้ช่วยให้สามารถเอียงปากกาเวลาวาดได้ โดยเอียงได้ถึง 45 องศา





ทำให้ Jot Pro ใช้งานได้สะดวกกว่าปากกาแบบ D.I.Y เยอะเลย เพราะเดิมทีแบบ D.I.Y จะเอียงไม่ได้เลย เว้นแต่ว่าทำมาให้เอียง แต่ก็ไม่สามารถเอียงหัวปากกาได้ 360 องศา ต้องหมุนหัวปากกาแทน



สำหรับแผ่นพลาสติกใสที่ติดกับหัวปากกา ไม่ได้เป็นวัสดุนำไฟฟ้าแต่อย่างใด ก็เป็นแค่พลาสติกเอาไว้ให้วาดได้สะดวกน่ะแหละ แต่จะมีแผ่นคล้ายๆแผ่นโลหะเล็ก ติดอยู่ที่แผ่นพลาสติกใสที่ว่า ซึ่งนี่แหละที่ทำให้สามารถสัมผัสหน้าจอได้ โดยต่างจาก D.I.Y ที่ไม่ต้องใช้มือสัมผัสกับวัสดุนำไฟฟ้าถึงจะใช้ได้ เพราะหัวปากกาของ Jot Pro สามารถใช้แทนนิ้วได้เลย

สำหรับการวาดก็อย่างที่บอก ว่ามันง่ายกว่าแบบที่ขายกันทั่วๆไป ทั้งนี้เพราะหัวปากกาเป็นแผ่นพลาสติกใส ส่วนที่ใช้สัมผัสหน้าจอ ก็มีขนาดเล็ก ทำให้เวลาวาดสามารถมองเห็นเส้นได้ง่าย ในขณะที่ปากกาสไตลัสแบบปกติจะมีหัวเป็นโฟมยางสีดำๆ เวลาแตะลงบนหน้าจอ มันก็แนบลงบนหน้าจอหมดเลย ทำให้มองเห็นปลายเส้นเวลาวาดเส้นได้ยาก

จากการที่ลองใช้ดูก็โอเคเลยวาดง่ายๆได้เลย แต่แผ่นพลาสติกใส อาจจะฝืดกับฟิล์มกันรอยบางตัวเล็กน้อย แต่ก็วาดได้ปกติอยู่ ถ้าผู้ที่หลงเข้ามาอ่านคนไหนใช้เครื่องที่เป็น Gorilla Glass แล้วมั่นใจมาก ก็จะวาดลงบนหน้าจอตรงๆเลยก้ได้ ไม่เป็นรอย





ติดแค่ว่าเจ้าของบล็อกวาดไม่ค่อยเก่งแค่นั้นแหละ 555 (ปกติโครงคร่าวๆแล้วไปดราฟบนคอมมากกว่า) ถ้าผู้ที่หลงเข้ามาอ่านคนไหนสนใจอยากลองก็ไปซื้อมาลองดู อาจจะดูแพงกว่าทั่วไป แต่มันก็ลากเส้นดีกว่าเยอะเลยนะ

เพิ่มเติม สำหรับ Jot Pro ล็อตใหม่จะมีการเพิ่ม Damping เข้ามาด้วย เพื่อให้สามารถยืดหยุ่นเวลาที่กดหัวปากกาได้


อยากได้ Jot Touchhhhhhh....